เมื่อได้มาเยือนเมืองที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ และสิ่งบันเทิงมากมายอย่างโตเกียวแล้ว นอกเหนือจากกิจกรรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวแนวอื่น เช่น วัด ศาลเจ้า ช็อปปิ้ง แหล่งอนิเมะแล้ว ที่โตเกียวยังมีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์หลายแห่งที่น่าสนใจ ซึ่งจะทำให้คุณได้สัมผัส เก็บเกี่ยวความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา และ เทคโนโลยีมากมาย พร้อมความสนุกสนาน ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทั้ง 5 แห่งที่โด่งดัง น่าสนใจ และรวบรวมองค์ความรู้เอาไว้มากมายที่คุณจะพบได้ในโตเกียว
1.National Museum of Emerging Science and Innovation Miraikan
สัมผัสเทคโนโลยีอันล้ำสมัย สนุกไปกับห้วงอวกาศและโลกแห่งวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาไม่มีวันรู้จบ ตื่นตาตื่นใจ สนุกกันได้ทั้งครอบครัว ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสมัยใหม่แห่งชาติ หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ “มิไรคัง” (Miraikan – The National Museum of Emerging Science and Innovation) ตั้งอยู่ในย่านโอไดบะ (Odaiba) ซึ่งเป็นศูนย์จัดแสดงเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ ๆ
โดยเมื่อเข้าไปด้านในพิพิธภัณฑ์ ก็จะได้พบกับไฮไลต์ที่ทุกคนต้องเก็บภาพไปนั่นก็คือ “จีโอ คอสมอส (Geo-Cosmos)” หรือลูกโลกจำลองขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยจอแสดงผลมากกว่า 10,000 จอภาพ ซึ่งแสดงภาพของโลกเราจริงๆที่เห็นได้จากดาวเทียมในอวกาศ ยิ่งไปกว่านั้นคือลูกโลกนี้จะมีการอัพเดทข้อมูลทุกวัน ทำให้ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันทั้งโลก เช่น สภาพอากาศและลักษณะทางกายภาพต่าง ๆ
ภายในพิพิธภัณฑ์นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักๆ ได้แก่ โซนแห่งโลกอนาคต ซึ่งมีการแสดงหุ่นยนต์ในหลากหลายรูปแบบ เช่น หุ่นยนต์อะซิโมะ (Asimo) ที่ออกแบบและพัฒนาโดยฮอนด้า (Honda) ให้สามารถเคลื่อนไหวได้คล้ายกับมนุษย์ และสามารถสื่อสารตอบโต้กับผู้คนได้ และหุ่นยนต์อีกหลากหลายรูปแบบไปจนถึงหุ่นยนต์น่ารักน่ากอดอย่างแมวน้ำ ที่สามารถขยับตอบสนองได้เหมือนสัตว์จริงๆ รวมถึงมีการจำลองความเป็นอยู่ของโลกในอนาคตที่รายล้อมไปด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลผสมผสานเข้ากับธรรมชาติและวิถีชีวิตมนุษย์
โซนต่อมาจะจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอวกาศ จำลองบรรยากาศภายในสถานีอวกาศนานาชาติ ISS ให้ได้สัมผัสถึงการใช้ชีวิตของนักบินอวกาศภายในสถานี นอกจากนี้ยังมี “Dome Theatre GAIA” หรือท้องฟ้าจำลองที่ฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับดาราศาสตร์และอวกาศในรูปแบบสามมิติ 3D โดยมีโปรแกรม 2 เรื่องฉายสลับกันไปในแต่ละรอบทุกวัน นั่นคือ The Man from the 9 Dimensions และ BIRTHDAY What Links the Universe and me
2.TeNQ Space Museum
เปลี่ยนมุมมองการศึกษาองค์ความรู้น่าเบื่อ เข้าใจยาก ให้กลายเป็นเรื่องราวน่าสนุก เข้าใจง่ายและเต็มไปด้วยความน่าสนใจที่ TeNQ Space Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับอวกาศที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ โดยการจัดแสดงจะใช้เทคนิคที่หลากหลาย ทันสมัย และผสมความอาร์ตในการออกแบบ มาสนับสนุนส่งเสริมการเรียนรู้ พร้อมกับสร้างความน่าสนใจไปพร้อมๆกัน
ภายในแบ่งออกเป็น 9 โซน จะจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับจักรวาลของเรา อุโมงค์มืดสนิทที่แสดงถึงการรีเซทและจุดเริ่มต้น Tunnel Zero ผ่านไปยังห้อง Starting Room ที่แสดงให้เห็นจักรวาลทั้งจักรวาลด้วยเทคนิคการฉายภาพ Projection Mapping
ห้องจัดแสดงต่อมา คือ Theatre Sora ซึ่งจะมีจอภาพขนาดยักษ์ ฉายภาพดาวโลกของเราจากมุมมองที่เหมือนกับมองออกมาจากหน้าต่างของสถานีอวกาศหรือยานอวกาศ เป็นมุมมองที่น่าสนใจมากๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีโซนอื่นๆ เช่น โซน Science ซึ่งเป็นห้องจำลองศูนย์วิจัยและห้องเรียนของมหาวิทยาลัยโตเกียว โซน Imagination โดยจะเลือกใช้วิธีการจัดแสดงแบบ Interactive ซึ่งจะสามารถชมของจัดแสดงพร้อมทั้งทำกิจกรรมหรือเกมส์เล็กๆประกอบการเรียนรู้ได้
3.National Museum of Nature and Science
ร่วมเดินทางย้อนเวลาสำรวจทุกสรรพสิ่งตั้งแต่ยุคการก่อเกิด ไดโนเสาร์ ระบบนิเวศของญี่ปุ่น จักรวาลนอกโลก รวมไปถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทั้งปัจจุบันและอนาคตที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยทำการจัดแสดงภายใต้หัวข้อ “การอยู่ร่วมกันระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และธรรมชาติ” ช่วยให้เรามีความซาบซึ้งต่อโลก ชีวิต วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น จุดเด่นเมื่อมองจากภายนอกของที่นี่คือ รูปปั้นปลาวาฬสีน้ำเงินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านข้างอาคาร
ภายในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ โซน Japan Gallery สำหรับแสดงวิวัฒนาการของญี่ปุ่น ธรณีวิทยา พืชและสัตว์ มานุษยวิทยา เครื่องมือวัด และ โซน Global Gallery ที่จัดแสดงเกี่ยวกับเคมี แร่ธาตุ ซากดึกดำบรรพ์ ช่วงเวลาของชีวิต เทคโนโลยีของญี่ปุ่นและสัตววิทยา
เราจะได้เห็นรูปจำลองสัตว์ป่าในขนาดจริง เห็นถึงความหลากหลายของสายพันธุ์ และชีวิตนกบนโลก ไดโนเสาร์ฟุตาบะซอรัสที่พบในฟุกุชิมะ สัตว์และพืชพันธุ์ต่าง ๆ ของญี่ปุ่น เช่น แมลง โครงกระดูกของสัตว์ดึกดำบรรพ์ขนาดมหึมา
ต่อมาจะเป็นโซนทะเล จะจัดแสดงฝูงปลามากมาย ปะการัง ธรณีวิทยาของ หมู่เกาะญี่ปุ่น และภูมิประเทศแบบภูเขาที่อุดมสมบูรณ์
ที่ชั้น 2 จัดแสดงเรื่องราวในยุคเมื่อประมาณ 40,000 ปีที่แล้ว ตั้งแต่บรรพบุรุษของเราได้พบกับดินแดนที่อุดมไปด้วยป่าไม้และมหาสมุทรที่ชายขอบด้านตะวันออกของเอเชีย การเริ่มตั้งรกรากในหมู่เกาะญี่ปุ่น ห้องแสดงคนญี่ปุ่นกับธรรมชาติ พัฒนาการของมนุษย์ การเพาะพันธุ์ปลาทอง สุนัข ไก่ ข้าว เมล็ดพืชสายพันธุ์ต่างๆ
บริเวณชั้น 3 จัดแสดงเรื่องราวบนเกาะญี่ปุ่นซึ่งมีประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความเจริญรุ่งเรืองและสูญพันธุ์ไป หลักฐานของชีวิตในอดีตที่แฝงอยู่ในชั้นหินบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป นับตั้งแต่เวลาที่มวลแผ่นดินญี่ปุ่นแยกตัวออกจากขอบทวีปจนก่อตัวเป็นเกาะในที่สุด ให้ความรู้ถึงสี่ฤดูกาลที่แตกต่างกัน เนื่องจากผลกระทบของลมมรสุมและกระแสน้ำในมหาสมุทร ทำให้เกิดเป็นรูปแบบวิถีชีวิตที่หลากหลาย
ของที่ระลึกสุดน่ารักและสร้างสรรค์ที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ ยางลบรูปหัวไดโนเสาร์ และยังมีของแปลกๆอีกมากมาย เช่น อาหารสำหรับนักบินอวกาศที่ใช้ดำรงชีวิตกันจริงๆขณะที่อยู่นอกโลกเป็นเวลานาน
4.Nagoya City Science Museum
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า (Nagoya Science Museum) ถึงแม้พิพิธภัณฑ์นี้จะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงอย่างโตเกียวแต่ประเทศญี่ปุ่นเขาก็มีบริการรถไฟที่ทำให้เราเดินทางไปได้ทุกที่อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งที่นี่ยังขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์เรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย ภายในมีส่วนจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ธรรมชาติวิทยา และอีกไฮไลต์สำคัญที่นักท่องเที่ยวมักจะเก็บภาพไปคือ สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์รูปโลกสีเงินขนาดใหญ่ซึ่งภายในเป็นท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีทั้งหมด 7 ชั้น แบ่งเป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศการถาวร 5 ชั้น และอีก 2 ชั้นสำหรับนิทรรศการชั่วคราว โซนจัดแสดงสำคัญที่น่าสนใจภายในพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ห้องแช่แข็งอุณหภูมิ -30 องศาที่จำลองสภาวะจริงของสภาพอากาศบริเวณขั้วโลก โซนจัดแสดงแสงออโรร่าที่สร้างโดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จำลองแสงเหนือเสมือนจริงขึ้นมา และห้องจัดแสดงปรากฎการณ์ทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น พายุทอร์นาโด ฟ้าผ่าในขนาดย่อส่วนให้เราได้สัมผัสกันแบบสมจริง
ที่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่จัดแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านอวกาศของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะรวบรวมอุปกรณ์ จรวด ชิ้นส่วนยานอวกาศ องค์ความรู้ด้านอวกาศ ผังจำลองกาแล็กซี่ทางช้างเผือกมาไว้มากมาย จนถูกยกให้เป็นศูนย์รวมความรู้หลักของเทคโนโลยีการบิน และอวกาศของประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งชั้นนี้ยังเชื่อมต่อไปยังท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง บราเธอร์ เอิร์ธ (Brother Earth) ซึ่งมีจอแสดงผลขนาดยักษ์ พร้อมเครื่องฉายความละเอียดสูงจัด ให้ภาพหมู่ดาวที่กระจายอยู่ทั่วกาแล็กซี่ได้แบบตระการตาและสมจริงที่สุด ในส่วนของโปรแกรมท้องฟ้าจำลองของที่นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงตามปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์จริง และเทศกาลสำคัญต่างๆ ของโลก เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงอารมณ์มากที่สุด
5.Museum of Aeronautical Sciences
สำหรับทุกท่านที่ชื่นชอบการเดินทางก็ต้องได้นั่งเครื่องบินกันบ่อยๆอยู่แล้ว พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์การบิน(Museum of Aeronautical Sciences) นับว่าเป็นอีกจุดน่าแวะถ้ามีเวลารอเครื่องนานๆหรือสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับด้านการบินจะแวะมาเยี่ยมชมในเวลาว่างก็ได้ความรู้ พร้อมใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้ดีเลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสนามบินนานาชาตินาริตะ ภายในจัดแสดงเครื่องบินหลากหลายรูปแบบ และแบบจำลองเครื่องบินมากมาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกอีกด้วย สิ่งที่นับว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือ แบบจำลองเต็มรูปแบบของเครื่องบินต่างๆ จะถูกสร้างแบบเก็บทุกรายละเอียดทำให้เรารู้สึกเหมือนได้สัมผัสของ
นอกจากนี้ยังสามารถลองขับเครื่องบินจำลองขนาดเท่าของจริง หรือจะเข้าไปนั่งในห้องบังคับการของเครื่องบิน Mitsubushi Zero fighter หรือ the Bell X-1 Glamorous Glennis ได้อีกด้วย
และหากขึ้นไปที่จุดชมวิวดาดฟ้าชั้น 3 ของพิพิธภัณฑ์เราจะสามารถชมทัศนียภาพของรันเวย์สนามบินนานาชาตินาริตะได้แบบเต็มๆตา ในส่วนของโซนชั้น 5 จะเป็นหอควบคุมการบินจำลอง ซึ่งทั้ง3ชั้นนั้นสามารถมองเห็นเครื่องบินที่กำลังเทคออฟ หรือแลนด์ดิ้งบนสนามบินได้อย่างชัดเจน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังปฏิบัติการอยู่ในศูนย์ควบคุมอากาศยานจริงๆ
#ไทยแอคทิวิตี้ รับจัดทัศนศึกษา จัดสัมมนา ดูงานต่างประเทศ โดยเฉพาะ เส้นทางญี่ปุ่น และยุโรป เรามั่นใจในความชำนาญ และ ตอบโจทย์ตามความต้องการด้วยความมุ่งมั่นและใจรักในการบริการ ติดต่อ 02-5227117
Leave a Reply